ประกันชีวิต..คืออะไรและต้องมีเท่าไหร่ ??

ประกันชีวิตคือะไร

การประกันชีวิต คือการชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปอันเนื่องมาจากการตาย ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงหรือชราภาพ โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ให้แก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์ ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต

ทำไมต้องมีประกันชีวิต

ประกันชีวิตช่วยสร้างหลักประกันและความมั่นคงให้แก่ผู้เอาประกันภัยและครอบครัว อาทิ หากผู้นำครอบครัวทำประกันชีวิตไว้แล้วเกิดเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร เงินประกันชีวิตที่ได้รับจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของครอบครัว ได้ระยะหนึ่ง หรือหากทำประกันชีวิตเพื่อการศึกษาของลูกไว้ ลูกก็จะมีเงินใช้จ่ายเพื่อการศึกษาได้ต่อไป

 

ทุนประกันเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอ

1. คำนวณตามความสามารถ ( Potential  Base )

ถึงแม้มูลค่าที่แท้จริงของบุคคล  คือ  ความสามารถที่จะหารายได้ในช่วงชีวิตที่เหลือ  หรือจนกว่าจะเกษียณอายุ  แต่วงเงินที่คำนวณได้มักจะสูงเกินกว่าที่เราจะจ่ายเพื่อทำประกันได้  โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ
ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง  จึงมีการกำหนดว่า  บุคคลควรมีวงเงินประกันเท่ากับ  5  เท่าของรายได้ต่อปี  เช่น  นาย ก.  มีเงินเดือนๆละ  50,000  บาทและได้รับโบนัสตอนสิ้นปีอีก  2  เดือน  รวมทั้งปีมีรายได้เท่ากับ  700,000  บาท  ดังนั้น  ทุนประกันที่เหมาะสมจะเท่ากับ  700,000X 5  =  3.5  ล้าน
สำหรับเหตุผลที่กำหนดให้มีวงเงินประกันเป็น  5 เท่าของรายได้ต่อปีนั้น  เพราะว่าเวลา 5 ปี  เป็นช่วงเวลาที่พอสมควร  ที่คนในครอบครัวจะได้ปรับตัว  แม่บ้านที่หยุดทำงานมานาน  หากต้องออกมาทำงานใหม่  ก็พอมีเวลาหางานและฝึกทักษะการทำงานอีกครั้ง  หรือจะขยับขยาย หาธุรกิจใหม่มาทำ  เพื่อทำหน้าที่หารายได้แทนสามีต่อไป
บางตำราบอกว่า  ควรให้เวลาครอบครัวปรับตัวถึง 7 ปี  แต่รายได้ที่นำมาคำนวณนั้นควรจะคิดเพียง 70% ของรายได้ต่อปี  เพราะในช่วงที่ผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่นั้น  รายได้ส่วนหนึ่งต้องนำไปจ่ายภาษีและค่าใช้จ่ายส่วนตัว  เหลือเงินรายได้ให้ครอบครัวเพียง 70%

2. คำนวนตามภาระค่าใช้จ่าย ( Need  Base )
         วิธีนี้  ดูตามความจำเป็นของครอบครัว  ว่าหากสูญเสียเราไปครอบครัวยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง  เพราะถ้าเป็นไปได้เราคงอยากรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไว้เอง

ภาระได้แก่
1. ค่าใช้จ่ายของครอบครัว  คูณด้วยจำนวนปีที่เราอยากให้เขาอยู่ได้  เสมือนว่าเรายังมีชีวิตอยู่
2 .หนี้สินที่คงค้างทั้งหมดไม่ว่า  ค่าจำนองบ้าน , หนี้รถยนต์  หรือหนี้บัตรเครดิต
3. ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่  ตามจำนวนปีที่คาดว่าท่านยังมีชีวิตอยู่
4. ค่าเล่าเรียนของลูกทุกคนจนกว่าเขาจะเรียนจบ
5. ค่าใช้จ่ายในวาระสุดท้ายของเราได้แก่  งานฌาปนกิจ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม  พวกเราแต่ละคนย่อมมีการเตรียมการ   หรือมีสมบัติบางส่วนที่สามารถเปลี่ยนไปเป็นเงินเพื่อไปรับภาระเหล่านี้บ้าง

ดังนั้น  วงเงินประกันที่ต้องการจะเท่ากับ   จำนวนเงินที่ยังขาดหลังจากการนำทรัพย์สินที่มีอยู่ไปหักจากภาระค่าใช้จ่าย

ทุนประกัน  =  ภาระ – สินทรัพย์ที่มีอยู่

สินทรัพย์ที่มีอยู่ เช่น เงินสดในขณะนั้น , สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ , กองทุนหรือหุ้นต่างๆ

สรุปเป็นสมการได้คือ

วงเงินประกันชีวิต = รายจ่ายของครอบครัว + หนี้สิน + ทุนการศึกษาลูก + ค่าทำศพ – วงเงินประกันชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน – สินทรัพย์สภาพคล่องสูง – เงินกองทุนจากบริษัทนายจ้าง

ในกรณีที่เรามีทุนประกัน  หรือสินทรัพย์รวมกันมากกว่าภาระที่จะเกิดขึ้น  ก็ไม่จำเป็นต้องทำประกันเพิ่ม  เว้นแต่ว่าเรายังต้องการให้ทายาทของเรามีทุนรอนเหลือเฟือ  เพื่อเขาจะอยู่ได้อย่างสบาย  และสามารถส่งต่อความมั่งคั่งไปสู่ชั้นลูกชั้นหลานต่อไป

20110705191804-407

 

You may also like...