มาทำความรู้จักกับประกัน..กันเถอะ

ประกัน คือ อะไร ??

– คือการจัดการของความเสี่ยงโดยการรวบรวมความสูญเสีย ที่เกิดขึ้นทั้งหลาย โดยค่าของความสูญเสียนั้นจะถูกเฉลี่ยกันไปให้ระหว่างผู้เข้าร่วมความเสี่ยงภัยทั้งหมด

ความเสี่ยงภัย คือ อะไร??

– หมายถึง โอกาสที่จะทำให้เกิดความสูญเสียในอนาคต โดยเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่มีความไม่แน่นอน

 

ประโยชน์ของประกัน มีอะไรบ้าง

–  เป็นการให้หลักประกันต่อบุคคลและครอบครัวของผู้เอาประกันภัยเมื่อมีบุคคลในครอบครัวเสียชีวิตไป

– เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่ทรัพย์สินของผู้เอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัยจะได้รับชดใช้ ค่าเสียหายนั้นจากผู้รับประกันภัย

– ช่วยปลูกฝังให้เกิดนิสัยการประหยัดและการออมทรัพย์

– สามารถลดหย่อนภาษีรายได้บุคคลธรรมดา

 

ทุนประกัน กับ เบี้ยประกัน แตกต่างกันอย่างไร

ทุนประกัน จะหมายถึง สินไหมทดแทนที่บริษัทประกันจะจ่ายให้กับผู้เอาประกัน กรณีรถยนต์สูญหาย หรือกรณีเสียหายโดยสิ้นเชิง ซึ่งส่วนมากมักเป็นหลักแสน

เบี้ยประกัน คือ เงินที่ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายกรณีซื้อประกัน หรือก็คือ ราคาขาย ของกรมธรรม์นั้นนั่นเอง มักจะเป็นหลัก พันถึงหลักหมืน

 

ชนิดของการประกันชีวิต

– ประกันชีวิตแบบช่วงระยะเวลา (Term) เป็นกรมธรรม์ที่มีอายุจำกัด บริษัทจะจ่ายเงินสินไหมให้ผู้รับผลประโยชน์ หากผู้เอาประกันเสียชีวิตในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ แต่ไม่มีเงินคืนเมื่อครบอายุกรมธรรม์ ตัวอย่างการเลือกประกันประเภทนี้ เช่น เพื่อการประกันความเสี่ยงในการผ่อนบ้าน ถึงแม้ว่าผู้ที่เป็นรายได้หลักของครอบครัวเกิดเสียชีวิต สมาชิกในครอบครัวซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ จะได้เงินประกันสำหรับชำระค่าผ่อนต่อโดยไม่มีภาระทางการเงิน

– ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ (Endowment) เป็นกรมธรรม์ที่มีอายุจำกัด บริษัทจะจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้รับผลประโยชน์เมื่อเสียชีวิต แต่หากมีชีวิตครบอายุกรมธรรม์ก็จะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับผู้เอาประกัน

– ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Wholelife) เป็นการรับประกันชีวิตตลอดอายุผู้เอาประกัน(ในทางการค้า 90-99 ปี)

– ประกันชีวิตแบบบำนาญ (Annuity)คล้ายกับแบบออมทรัพย์ โดยบริษัทประกันชีวิตจะเก็บเบี้ยประกันจนถึงอายุระดับหนึ่งแล้วทยอยจ่ายคืนเงินให้กับผู้เอาประกัน

– ประกันชีวิตควบการลงทุน (unit linked) เป็นการทำประกันชีวิตโดยได้ความคุ้มครองค่าความสามารถและในขณะเดียวกันก็ไม่เสียโอกาสในการลงทุนในกองทุนรวมที่ทางบริษัทประกันคัดสรรมาให้ผู้เอาประกันได้เลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่ผู้เอาประกันรับได้ โดยตัวแทนที่ทำหน้าที่นำเสนอขายแบบประกันนี้จะต้องมีใบอนุญาตSingle Licenseจากกลต.ด้วย

 

ประเภทของประกันภัยส่วนบุคคล มีอะไรบ้าง

– การประกันชีวิต

– การประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล

–  การประกันสุขภาพ

 

ถ้าต้องซื้อประกันสัก 1 ฉบับ .. จะประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

การซื้อประกัน สักหนึ่งเล่ม สิ่งที่คุณต้องรู้อย่างน้อยก็คือ ประเภทของประกันที่มีโดยทั่วไป

อย่างแรก ที่่ถ้าคิดจะซื้อประกัน คือ ประกันชีวิต หรือ เรียกง่ายๆว่าตัวหลัก ซึ่งการซื้อประกันทั่วๆไป จำเป็นต้องมีตัวหลักก่อนเสมอ เพื่อให้สัญญาในการทำมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน

เช่น ตัวหลักทุน 500,000 บาท ในที่นี้ก็คือ กรณีเสียชีวิตทุกอย่างผู้ทำประกันจะได้เงิน 500,000 บาท ให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ ตามที่ระบุในกรมธรรม์นั้นๆ ส่วนเบี้ยที่ต้องจ่าย ก็จะคำนวนตามอายุที่จะทำในขณะนั้นและตามแบบกรมธรรม์ที่เลือกทำ

ยกตัวอย่าง ผู้ชายอายุ 35 ปีทำประกันคุ้มครองตลอดชีวิต ด้วยทุน 500,000 บาท จ่ายเบี้ยประกัน 20 ปี หรือง่ายๆ จ่ายเบี้ย 20 ปีคุ้มครองตลอดชีวิต ซึ่งในการจ่ายเบี้ยของประกันตัวหลักนี้ จะจ่ายคงที่เท่ากันทุกปีตั้งแต่ปีแรกจนถึงปีที่กำหนดต้องจ่าย

ในรายละเอียดของแบบประกัน ก็ต้องดูตามแต่ละบริษัทที่กำหนดไว้

ซึ่งในประกันตัวหลักนี้เป็นสัญญาระยะยาวที่จ่ายต่อเนื่องตามที่ระบุในกรมธรรม์ เมื่อครบสัญญาก็จะมีเงินคืน ตามที่ทำสํญญาต่อกันไว้

ย่างที่สอง ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะรู้จักในส่วนที่เรียกว่าค่าห้องหรือค่ารักษาพยาบาล ในส่วนนี้จะเป็นสัญญาที่เพิ่มเติมขึ้นมา ตามความจำเป็นของแต่ละบุคคล ซี่งสัญญาเพิ่มเติมนี้เป็นสัญญาที่มีความคุ้มครองปีต่อปี จะซื้อในปีถัดไปหรือไม่ซื้อก็ได้ ( แต่ถ้าไม่ซื้อต่อแล้วกลับมาซื้อ ต้องตรวจสุขภาพก่อนทำ) สัญญาเพิ่มเติมจะมีดังนี้ คือ ค่ารักษาพยาบาล(ค่าห้อง) , ค่าชดเชยรายวัน , โรคร้ายแรงต่อเนื่อง , โรคมะเร็ง , อุบัติเหตุ , ทุพพลภาพ

ซึ่งในการที่จะพิจารณาเพิ่มสัญญาแต่ละตัว ก็ต้องดูว่า มีความจำเป็น หรือมีภาวะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน หรือบางคนอาจไม่จำเป็นต้องทำ ถ้ามีเงินสำรองในส่วนนี้มากเพียงพอแล้ว ซึ่งเป็นความเหมาะสมของแต่ละบุุคคล

ก็สรุปสั้นๆว่า ถ้าทำประกันสักหนึ่งเล่ม สิ่งที่ประกอบในเล่มกรรมธรรม์นั้นคือ ประกันชีวิตและสัญญาเพิ่มเติมต่างๆ ( อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ แล้วแต่บุคคล)

การมีประกันก็เหมือนกับการมีร่ม วันที่แดดออก ร่มอาจไม่มีความจำเป็นเลย แต่ถ้าวันไหนเกิดฝนตกหนัก ขึ้นมา ถ้าไม่มีร่มหรือที่กำบัง เราก็อาจต้องเปียกปอน ก็เป็นได้ แล้วถ้าจะเลือกร่มสักคัน ก็ต้องเลือกร่มที่มีความแข็งแรงและทนทาน เพื่อที่จะได้ป้องกันฝนที่ตกลงมาอย่างหนักได้ดี

คนกางร่ม

 

 

You may also like...