หลักในการเลือกซื้อกองทุน

วันก่อน นำอันดับกองทุน ต่างๆ ที่ดูจากผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี มาให้ดู จากงาน set in the city 2014 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปมาให้ดูกัน วันนี้ จะมาแนะนำหลักในการเลือกซื้อกองทุนเบื้องต้น ให้ลองพิจารณากันดู เพราะเห็นบางคน หลับหูหลับตาซื้อเหลือเกิน เห็นว่าสิ้นปี รีบซื้อเอาไว้ลดหย่อนภาษี เดินเข้าแบงค์ไหนก็ได้ บางคนหนักกว่านั้น เลือกที่พนักงานแบงค์น่ารักๆ – -”

อันดับแรกสุดเลย ที่หลายคนมองข้าม นั่นก็คือ เป้าหมายของเรา เราจะซื้อกองทุน เพื่ออะไร ระยะเวลาเก็บออมในกองทุนมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะต้องใช้เงินก้อนนี้ ผลตอบแทนที่คาดหวัง และจำนวนเงินที่ต้องการ

ยกตัวอย่างเช่น ต้องการเก็บเงินเพื่อเกษียณ อีก 20 ปีข้างหน้า โดยเป้าหมายอยู่ที่ 10 ล้านบาท ผลตอบแทนที่คาดหวังคือ 10% ต่อปี ก็ต้องเก็บเงินปีละประมาณ 160,000 บาท หรือเดือนละ 13,500 บาท ก็สามารถเลือกกองทุนที่ความเสี่ยงสูง ที่ลงทุนในหุ้นได้ เพราะระยะเวลาเก็บออมนาน สามารถทนต่อความผันผวนได้ดี และผลตอบแทนก็มีโอกาสได้ 10% ต่อปีไม่ยากนัก

ถัดมา ก็คงหนีไม่พ้นผลตอบแทนใช่มั้ยครับ ทีนี้ อย่าไปดูที่ผลตอบแทนเฉพาะปีนี้เท่านั้น ให้เราดูย้อนหลัง จะ 3 ปี 5 ปี ก็ว่ากันไป แต่จะให้ดี ดูกันยาวๆไปเลย ถ้ากองไหนเปิดมานานนับสิบปี ก็จะมีข้อมูลให้เราดูได้ว่า เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปั ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีคือเท่าไหร่ ก็มาดูว่าสอดคล้องกับเป้าหมายของเราหรือไม่

นอกจากเรื่องผลตอบแทนแล้ว เราต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็น rating จากสถาบันที่เชื่อถือได้, ค่าธรรมเนียม, ค่าความผันผวนของราคาหน่วยลงทุน, และ sharp ratio ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ หาดูได้ที่เว็บ http://www.morningstarthailand.com/th/ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูล และจัดอันดับกองทุนของไทย โดยให้ rating แต่ละกองทุนเป็นดาว เช่น 5 ดาว ก็จะ rating ดีสุด เป็นต้น โดยหลักเกณฑ์ในการจัดอันดับ ก็จะเป็นความน่าเชื่อถือของกองทุน ผู้จัดการกองทุน ระยะเวลาที่เปิด ความผันผวนของราคาหน่วยลงทุน และผลตอบแทน เป็นต้น

ในเรื่องของค่าธรรมเนียม บางกองทุน เก็บค่าธรรมเนียมแรกเข้าด้วย บางกองก็ไม่เก็บ และยังมีค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุน ซึ่งคิดเป็น % จากมูลค่าคงเหลือในพอร์ตของเราในแต่ละปี ก็ลองดูว่าที่ไหนเก็บมากเก็บน้อย ก็ลองหักออกจากผลตอบแทนที่ได้ ดูว่ากองไหนเหลือมากกว่ากัน

ส่วนในเรื่องความเสี่ยง ถึงแม้ว่าจะเป็นกองทุนประเภทเดียวกัน เช่น LTF แต่ก็ต้องดูว่า กลุ่มหุ้นที่กองนั้นไปลงทุน เป็นกลุ่มหุ้นที่ราคาแกว่งตัวมากน้อยแค่ไหน โดยจะเฉลี่ยออกมาในรูปของค่าความผันผวนของราคาหน่วยลงทุนนั่นเอง ซึ่งถ้าผันผวนมาก ก็จะยิ่งความเสี่ยงสูง

ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่เลือกดู คือค่า sharp ratio ซึ่งเป็นค่าที่สะท้อนถึงผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยความเสี่ยง หมายความว่า ถ้านำกองทุนมาวัดจากหนึ่งหน่วยความเสี่ยงเท่าๆกัน ใครที่ทำผลตอบแทนได้มากกว่านั่นเอง เพราะฉะนั้น ยิ่ง sharp ratio มาก ก็จะยิ่งดี

นอกจากนี้ หากใครจะลงทุนสม่ำเสมอทุกๆเดือน ก็ต้องดูด้วยว่า ขั้นต่ำที่ซื้อได้ เป็นเท่าไหร่ด้วย เพื่อให้วางแผนออมเป็นประจำได้ถูกต้อง

ขอให้สนุกกับการเลือกซื้อกองทุนนะครับ

You may also like...